โคเนื้อ Company B ของบังโต เนื้อพันธุ์ไทยที่ไม่ธรรมดา

Beef Company B pic

Beef Company B new

เนื้อโคหรือเนื้อวัวที่คนไทยจำนวนไม่น้อยนิยมในการทานอย่างมากส่วนใหญ่แล้วเวลาที่เราทานโดยทั่วไปก็คือเนื้อวัวธรรมชาติที่ผ่านการเชือดและแยกเป็นสัดส่วนอย่างดีซึ่งรสชาติก็อร่อยในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ถึงกับว่าอร่อยในแบบที่คนรักเนื้อชื่นชอบสักเท่าไหร่นัก นี่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ บังโต หรือ โต อดีตนักร้องนำวงซิลลี่ ฟูลส์ รู้สึกว่าเขาต้องการทำเนื้อให้มีรสชาติออกมาดีที่สุดเนื่องจากส่วนตัวเขาก็เป็นคนชอบทานเนื้ออยู่แล้วประกอบกับเนื้อวัวไทยเองเขาเชื่อว่าเป็นเนื้อที่สามารถพัฒนาสายพันธุ์ให้ดีเทียบเท่ากับต่างประเทศได้นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาตัดสินใจเปิดร้าน Company B

Company B จากนักร้องสู่นักธุรกิจ

หากใครที่เป็นแฟนเพลงแนวร็อกหรืออาจไม่ร็อกเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักโต ซิลลี่ฟูลส์ อย่างแน่นอน เมื่อจุดเปลี่ยนในชีวิตมาถึงเขาได้ตัดสินใจที่จะทิ้งวงการเพลงไว้เบื้องหลังเพื่อมาสู่มุมมองใหม่กับการเป็นนักธุรกิจภายใต้ชื่อ Company B ซึ่งเป็นบริษัทที่เขาเปิดขึ้นเพราะความรักในการทานเนื้อเป็นทุนเดิม Company B คือร้านขายเนื้อที่มีความแตกต่างไม่เหมือนกับร้านไหนตรงที่เขาเลือกใช้เนื้อวัวสายพันธุ์ไทยผ่านกรรมวิธีที่เรียกว่า Dry Aged ด้วยระยะเวลาถึง 30 วันก่อนจะนำมาวางขาย นั่นทำให้คุณภาพเนื้อของ Company B จะแตกต่างกับเนื้อตามท้องตลาดทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าการ Dry Aged คือกระบวนการไล่ความชื้นในตัวเนื้อรวมถึงเป็นการเร่งการทำงานเอ็มซายด์ในเนื้อเพื่อทำให้เนื้อมีความนุ่ม ชุ่มฉ่ำมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ปกติแล้วการ Dry Aged จะใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 21-60 วัน ซึ่ง Company B จะทำการ Dry Aged เนื้อเอาไว้ด้วยระยะเวลา 30-35 วัน แต่จะมีข้อยกเว้นแค่เฉพาะเนื้อส่วนสันในที่ใช้เวลาในการ Dry Aged แค่ 10 วันเท่านั้น เมื่อผ่านกระบวนการที่ว่านี้เนื้อวัวจะออกเป็นสีคล้ำซึ่งต้องมีการแล่เอาส่วนนั้นออกทิ้งไปทำให้น้ำหนักเนื้อน้อยลง จากเหตุผลต่างๆ นี้ทำให้ราคาเนื้อของ Company B จะสูงกว่าราคาเนื้อทั่วไปแม้จะเป็นวัวสายพันธุ์ไทยก็ตาม

Company B จะเลือกคัดสรรเฉพาะเนื้อที่เป็นส่วน Tenderloin, Rib Eye, Striplion, Rib Set, Tomahawk และ Baby Lamb ให้ลูกค้าได้เลือกตามใจชอบ โดยมากคนไทยมักมองว่าเนื้อที่มาจากต่างประเทศ เช่น เนื้อวัวออสเตรเลียมีคุณภาพดีแต่จริงๆ แล้วเกรดที่ส่งมาขายยังบ้านเราเป็นเกรดต่ำทำให้ Company B ต้องการสร้างมาตรฐานของเนื้อวัวสายพันธุ์ไทยว่ารสชาติก็อร่อยไม่แพ้ชาติใดในโลกหากมีกรรมวิธีการผลิตที่เหมาะสมในทุกขั้นตอน